วันเสาร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ดวงสวรรคต พ่อหลวง ร.๙

ดวงสวรรคต พ่อหลวง ร.๙


ข้าพระพุทธเจ้า ผู้ใช้นามปากกา "อ.เล็ก พลูโต" ใคร่ขอพระบรมราชานุญาตอัญเชิญดวงพระราชชะตาของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช คราเมื่อพระองค์ทรงเสด็จสู่สวรรคาลัยมานำเสนอ เพื่อบันทึกไว้เป็นข้อมูลทางด้านโหราศาสตร์ และเป็นวิทยาทานแด่ชนรุ่นหลังที่สนใจใคร่ศึกษาศาสตร์แห่งโหรต่อไป ในบทวิจารณ์บางช่วงบางตอนต้องใช้ศัพท์ทางโหร และศัพท์สามัญเพื่อใช้ในคำอธิบาย ควรมิควร แล้วแต่ทรงพระกรุณา ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
     
สิ่งที่จะต้องนำมาพิจารณาเป็นอันดับแรกในดวงชะตาที่หมดอายุขัยนั้น จะต้องพิจารณาลัคนาจรตามภพ ด้วยการวางลัคนาจรในพื้นดวงเดิมเสียก่อน ซึ่งในปีที่พระองค์ทรงเสด็จสวรรคตนั้น ทรงมีพระชนมายุ ๘๘ พรรษา พระราชลัคนาจรสถิตอยู่ ณ ราศีเมษ กุมกับ ดาวจันทร์ (๒) ซึ่งเป็นดาวเจ้าเรือนปัตนิในพื้นดวงเดิม โดยความหมายของ "ปัตนิ" นั้น ถ้าแปลตามตัวก็คือ "ศัตรู" ในที่นี้คือ โรคภัยไข้เจ็บที่มาเบียดเบียนพระองค์นั่นเอง ซึ่งพระองค์ทรงพระประชวรอยู่ก่อนหน้า (อายุ ๘๗ ลัคนาจรตกอริ คือ ปัญหาอุปสรรค ความเจ็บไข้ไม่สบาย) ดังนั้น ในปีดังกล่าวต้องระมัดระวังสุขภาพร่างกายอาจทรุดลงได้
              
จากจุดลัคนาจรพื้นดวงเดิมที่ราศีเมษ จะเห็นว่า ลัคนาจรถูกเบียนอย่างหนัก จากดาวบาปเคราะห์ทุกดวง และดาวให้โทษ รวมทั้งสิ้น ๙ ดวง กล่าวคือ ต้องกระแสดาวมรณะวัฏฏจักร เนปจูน (น) ตรีโกณอยู่ในราศีสิงห์ , ราหู (๘) บีบหน้า ดาวมฤตยู (๐) บีบหลัง, ดาวพลูโต (พ) โยคหน้า, เกตุ (๙) ทำมุมกากบาท, ดาวเสาร์ (๗) ดาวพุธ (๔) เจ้าเรือนอริ และ ดาวอังคาร (๓) ที่กุมกับ ดาวอาทิตย์ (๑) คู่ศัตรู ทำมุมปลายหอกทิ่มแทง
               
นอกจากพิจารณาลัคนาจรแล้ว ยังต้องพิจารณา ดาวพลูโต (พ) ดาวเจ้าเรือนลัคนาจรด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่า ดาวพลูโต (พ) ก็ถูกบาปเคราะห์หลายดวง และดาวให้โทษ เบียนอย่างยับเยินด้วยเช่นกัน กล่าวคือ ดาวอาทิตย์ (๑) ดาวอังคาร (๓) ดาวเสาร์ (๗) ดาวพุธ (๔) และ เกตุ (๙) ทำมุมปลายหอกทิ่มแทงทั้งสองด้าน (ถือเป็นมุมร้ายแรงที่สุด) โดยมี ดาวมฤตยู (๐) กากบาท และ ดาวเนปจูน (น) โยคหน้า
               
สองจุดนี้ ถือเป็นจุดสำคัญที่สุด ที่ควรจำไว้เลยว่า หากดวงชะตาใด ลัคนาจร และดาวเจ้าเรือนลัคนาจรในปีนั้น ต้องกระแสดาวมรณะ และถูกเบียนยับเยินเช่นนี้ ท่านว่า ให้พึงระวัง หากป่วยหนัก อาการอาจทรุดลง และถึงสิ้นอายุขัยได้
               
ดาวสำคัญที่เป็นดาวสุขภาพโดยตรง ก็คือ ดาวพฤหัสบดี (๕) ซึ่งเป็นดาวศุภะโลกธรรม และเป็นดาวเจ้าเรือนศุภะลัคนาจรที่อยู่ในราศีมีน ภพวินาศนะของลัคนาจร จะเห็นว่า โดนเบียนจากดาวบาปเคราะห์ทุกดวง และดาวให้โทษ อย่างยับเยินด้วยเช่นกัน กล่าวคือ ต้องกระแสดาวมรณะจาก ดาวอังคาร (๓) ดาวเจ้าเรือนมรณะลัคนาจร, ดาวอาทิตย์ (๑) คู่ศัตรูดาวอังคารที่กุมกัน (อาทิตย์ยังเป็นดาวเจ้าเรือนมรณะพื้นดวงเดิมอีกด้วย), ดาวพุธ (๔) เจ้าเรือนอริ และ ดาวเสาร์ (๗) ที่ตรีโกณถึง โดยมี ดาวมฤตยู (๐) กุม, ดาวจันทร์ (๒) คู่ศัตรู นำหน้า, ราหู (๘) โยคหน้า, ดาวพลูโต (พ) กากบาท พาดผ่านนำหน้าเป็นขบวน และยังมี ดาวเนปจูน (น) ทำมุมปลายหอกทิ่มแทง รวมทั้งสิ้น ๙ ดวง
               
การดูดวงบุคคลที่อาจสิ้นอายุขัย ขั้นตอนแรก ดูแค่การวางลัคนาจรในพื้นดวงเดิม เราก็จะทราบได้ว่า ในปีนั้น เจ้าชะตามีโอกาสสิ้นอายุขัยหรือไม่ โดยไม่ต้องนำดาวดาวจรในปีนั้นๆ มาร่วมพิจารณาเลยสักดวงเดียว อันนี้เป็นขั้นตอนแรกในการพิจารณาดวงชะตาถึงฆาต หรือสิ้นอายุขัย ซึ่งได้เขียนเป็นตำราไว้แล้ว ส่วนขั้นตอนการพิจารณาในขั้นต่อไป คงต้องยกยอดไว้ในตอนต่อไปก็แล้วกัน